ไฮโดรไลซ์ (Hydrolyzed) เป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากกระบวนการผลิตที่เรียกว่า ไฮโดรไลซิส ซึ่งใช้เอนไซม์ หรือกรด/ด่างอ่อนๆ ในการย่อยสลายวัตถุดิบที่อุณหภูมิต่ำ
ข้อดีของกระบวนการนี้ คือ สามารถสลายโปรตีนและสารประกอบอินทรีย์ขนาดใหญ่ให้กลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก เช่น กรดอะมิโน, เปปไทด์, วิตามิน, และแร่ธาตุต่างๆ โดยไม่ทำลายสารอาหารที่สำคัญและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ที่มีประโยชน์ต่อพืช ซึ่งแตกต่างจากการหมักแบบดั้งเดิม
เก็บได้นาน 3 ปีจากวันที่ผลิต
ผลิตจากปลาทะเลน้ำลึกทั้งตัว ด้วยกระบวนการผลิตที่ทันสมัย วิธีไฮโดรไลซ์ สามารถสกัดโปรตีนได้อย่างสมบูรณ์ จึงอุดมไปด้วยธาตุที่พืชต้องการ // ธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง ได้แก่ N ไนโตรเจน, P ฟอสฟอรัส, K โพแทสเซียม, Ca แคลเซียม, Mg แมกนีเซียม และ S กำมะถัน ธาตุอาหารเสริม ได้แก่ Fe เหล็ก, Cu ทองแดง และ Mn แมงกานีส // รวมถึงกรดอะมิโน (Amino Acid) กว่า 18 ชนิด และแร่ธาตุต่างๆ ช่วยให้พืชติดดอก ออกผล ได้ขนาดสมบูรณ์ มีรสชาติที่ดี
ทำไมต้องปุ๋ยปลาจากปันอินทรีย์
- ผลิตด้วยกรรมวิธีไฮโดรไลซ์ ไม่ใช่การหมักแบบดั้งเดิม ไม่เน่าเสีย ไม่มีกลิ่นบูด ไม่มีแก๊ซ
- ดูดซึมง่ายพืชสามารถนำไปใช้ภายใน 24 ชั่วโมง
- เห็นผลเร็ว ภายใน 7-10 วัน
- ไม่จำเป็นต้องใช้บ่อยเพียง สัปดาห์ละครั้ง หรือ 2 สัปดาห์ครั้ง
- สารอาหารและแร่ธาตุต่างๆยังคงอยู่โดยสมบูรณ์
- นอกจากช่วยการเจริญเติบโตของพืช ยังช่วยบำรุงดินอีกด้วย
ปุ๋ยมีความเข้มข้นสูง มีความจำเป็นต้องนำไปเจือจางกับน้ำก่อนใช้งานเสมอ ในอัตราส่วนที่เหมาะสม
ปุ๋ยปลา 10 หยด = 1 มิลลิลิตร
ปุ๋ยปลา 1 มิลลิลิตร ผสมกับน้ำ 1 ลิตร รดราดดิน
ปุ๋ยปลา 1/2 มิลลิลิตร ผสมกับน้ำ 1 ลิตร ฉีดพ่นทางใบ
ความถี่ในการใช้ปุ๋ย 10-14 วัน/ครั้ง
พิจารณาอาการ สภาพของพืช หากพืชแข็งแรงดีอยู่แล้ว สามารถลดความถี่ลงได้
(ปุ๋ยปลามีกลิ่นติดมือ 🧤🧤 แนะนำให้สวมถุงมือเมื่อต้องการใช้งาน)
วิธีใช้
การรดราดทางดิน
การรดราดลงดินโดยตรงจะช่วยให้ธาตุอาหารซึมลงสู่รากพืชได้ทันที และยังช่วยเพิ่มกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน ทำให้ดินร่วนซุย และพืชดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
การรดราดทางดิน
การรดราดลงดินโดยตรงจะช่วยให้ธาตุอาหารซึมลงสู่รากพืชได้ทันที และยังช่วยเพิ่มกิจกรรมของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน ทำให้ดินร่วนซุย และพืชดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
- รดช่วงเช้าหรือเย็น
ควรให้ปุ๋ยชนิดน้ำในช่วงที่อากาศไม่ร้อนจัด เช่น ช่วงเช้าตรู่ หรือช่วงเย็น เพื่อลดการระเหยของน้ำ และให้พืชมีเวลาดูดซึมธาตุอาหาร - รดรอบๆโคนต้น
รดให้ทั่วบริเวณรากพืช ระมัดระวังอย่าให้ขัง หรือแฉะเกินไป
การฉีดพ่นทางใบ
การฉีดพ่นทางใบเป็นวิธีที่พืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม
- เลือกใช้อุปกรณ์ฉีดพ่นละอองละเอียด
การใช้หัวฉีดที่พ่นละอองได้ละเอียด เพื่อให้ปุ๋ยกระจายตัวได้ทั่วถึง และเกาะติดใบได้ดียิ่งขึ้น - ฉีดพ่นช่วงเช้า
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฉีดพ่น คือช่วงเช้าตรู่ที่อากาศยังเย็นอยู่ และปากใบพืชเปิดรับธาตุอาหารได้ดี หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นช่วงกลางวันที่มีแดดจัด เพราะอาจทำให้ใบไหม้ได้ - ฉีดพ่นใต้ใบ
ด้านใต้ใบพืชมีปากใบจำนวนมาก การฉีดพ่นใต้ใบจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมได้ดีกว่า - ไม่ควรฉีดพ่นขณะพืชออกดอก
การฉีดพ่นในช่วงที่พืชกำลังออกดอก อาจรบกวนกระบวนการผสมเกสรได้
คำเตือน
เจือจางก่อนใช้ ห้ามใช้แบบเข้มข้นเด็ดขาด เพราะอาจทำให้พืชเกิดอาการช็อกหรือรากไหม้ได้
และการให้ปุ๋ยถี่มากเกินไปอาจทำให้พืชได้รับธาตุอาหารไม่สมดุล หรือเกิดการสะสมของเกลือในดินได้