Kabocha Squash

LATIN NAME
Cucurbita maxima
SCIENTIFIC NAME
Cucurbita Maxima

GERMINATION GUIDE
Soil Temperature
ช่วงอุณหภูมิดินที่เหมาะสมในการงอก
24-35 °C
Days to Germination
ระยะเวลาในการเพาะเมล็ด
7-10 วัน

DAYS TO MATURITY
95 วัน

SUN REQUIREMENT
แสงแดดตลอดวัน

สายพันธุ์พืช
(ชื่อเรียกทางการค้า)



Sunshine Kabocha Squash
Organic Seed
Hybrid (F1)

AAS Winners
AAS เป็นองค์กรที่ไม่ขึ้นกับบริษัทใดๆ และไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อผลกำไร
พวกเขาทำการทดสอบพันธุ์พืชใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีการขายมาก่อน คัดเลือกเฉพาะพันธุ์พืชที่มีผลการทดสอบยอดเยี่ยมเท่านั้น ที่จะได้รับการแนะนำในฐานะ AAS Winners การทดสอบของ AAS มุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพของพันธุ์พืชในการปลูกในสวนทั่วไป ปลูกกินเอง

สีแดงส้มและรสอร่อย

Sunshine ฟักทองเนื้อเนียนนุ่ม หวาน สีส้มสดใส เหมาะสำหรับการอบ บด และทำพาย มีรูปลักษณ์และคุณภาพการรับประทานที่เหนือกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพันธุ์อื่นๆ ในประเภทเดียวกัน สามารถบริโภคได้ทันทีเมื่อสุกเต็มที่ เถาขนาดกลางแข็งแรง น้ำหนักผลเฉลี่ย 1.5-2.5 กิโลกรัม ผู้ชนะรางวัล AAS
เมล็ดได้รับการรับรองออร์แกนิคจาก USDA (กระทรวงเกษตรสหรัฐ)






Sweet Jade Kabocha Squash
Organic Seed
Hybrid (F1)

AAS Winners
AAS เป็นองค์กรที่ไม่ขึ้นกับบริษัทใดๆ และไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อผลกำไร
พวกเขาทำการทดสอบพันธุ์พืชใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีการขายมาก่อน คัดเลือกเฉพาะพันธุ์พืชที่มีผลการทดสอบยอดเยี่ยมเท่านั้น ที่จะได้รับการแนะนำในฐานะ AAS Winners การทดสอบของ AAS มุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพของพันธุ์พืชในการปลูกในสวนทั่วไป ปลูกกินเอง

ขนาดพอเหมาะสำหรับคนเดียว อร่อย

Sweet Jade ฟักทองสีเขียวทะเลน่ารัก ขนาดพอดีสำหรับเสิร์ฟคนเดียว ใส่ชามซุป และอื่นๆ โดยแทบไม่มีเศษเหลือทิ้ง เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็กและคนโสด ให้ผลผลิตสูงและเก็บรักษาได้ดีเยี่ยม
เป็นที่ชื่นชอบของตลาด ผลไม้มีขนาดประมาณสองเท่าของซีรีส์ Shokichi โดยมีผลเสียหายน้อยมาก
พัฒนาพันธุ์โดย ดร. Lindsay Wyatt น้ำหนักผลเฉลี่ย 0.4-0.9 กิโลกรัม 
ผู้ชนะรางวัล AAS
เมล็ดได้รับการรับรองออร์แกนิคจาก USDA (กระทรวงเกษตรสหรัฐ)






Cha-Cha Kabocha Squash
Organic Seed
Hybrid (F1)

มาตรฐานที่พัฒนาพันธุ์เพื่อรสชาติและการเก็บรักษา

Cha-Cha เนื้อสีส้มสดใสสวยงาม เมื่อปรุงสุกจะมีเนื้อแห้ง ร่วน หวาน และอร่อย ต้านทานการเน่าเสียในการเก็บรักษาได้นานกว่าคาโบฉะสีเขียวมาตรฐานส่วนใหญ่ น้ำหนักผลเฉลี่ย 1.8-2.2 กิโลกรัม
เมล็ดได้รับการรับรองออร์แกนิคจาก USDA (กระทรวงเกษตรสหรัฐ)



ฟักทองคาโบฉะ (Kabocha Squash)
หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฟักทองญี่ปุ่น
มีลักษณะที่โดดเด่น ดังนี้

  • รูปร่างและสี
    มีรูปร่างกลมแป้นคล้ายฟักทอง แต่เปลือกมีสีเขียวเข้มถึงเขียวอมเทา มีลายเส้นสีขาวหรือสีอ่อนพาดเป็นทาง, เนื้อด้านในมีสีเหลืองส้มสดใส
  • เปลือก
    เปลือกแข็งและขรุขระเล็กน้อย, สามารถรับประทานเปลือกได้
  • เนื้อ
    เนื้อแน่นเนียนละเอียด และมีรสชาติหวานมันคล้ายมันเทศและเกาลัด, มีรสชาติหวานกว่าฟักทองทั่วไป
  • ขนาด
    โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1-1.5 กิโลกรัม แต่บางลูกอาจมีขนาดใหญ่ถึง 3.6 กิโลกรัม
  • รสชาติ
    หวานอร่อย เนื้อสัมผัสคล้ายฟักทองและมันเทศผสมกัน บางสายพันธุ์อาจมีรสชาติคล้ายมันฝรั่งรัซเซ็ตหรือเกาลัด


  • วิธีเพาะปลูก

    Kabocha Squash
    ฟักทองญี่ปุ่น

    การเตรียมเมล็ดพันธุ์

    • เลือกเมล็ดพันธุ์:
      เลือกเมล็ดพันธุ์ฟักทองญี่ปุ่นที่มีคุณภาพดี จากแหล่งที่เชื่อถือได้

    • การเพาะเมล็ด:

      • นำเมล็ดไปแช่น้ำประมาณ 20-30 นาที
      • ห่อเมล็ดด้วยผ้าขาวบางชื้นๆ แล้วนำไปบ่มในกล่องพลาสติกใส
        ประมาณ 3-5 วัน จนเมล็ดเริ่มงอกราก
      • นำเมล็ดที่งอกรากแล้วไปเพาะในถาดเพาะกล้า โดยใช้ดินผสมสำหรับเพาะกล้า
      • รดน้ำให้ชุ่มชื้นสม่ำเสมอ จนต้นกล้ามีใบจริง 1-2 ใบ จึงย้ายลงแปลงปลูก

    2. การเตรียมดินและแปลงปลูก

    • สภาพดิน: ฟักทองญี่ปุ่นชอบดินร่วน ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง
    • การเตรียมดิน:
      • ไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร
      • ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวดีแล้ว เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน
      • ทำแปลงปลูก โดยยกแปลงให้สูง เพื่อป้องกันน้ำขัง
    • ระยะปลูก:
      • แถวเดี่ยว: ระยะระหว่างต้น 50-80 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถว 1.5-2 เมตร
      • แถวคู่: ระยะระหว่างต้น 60-80 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถว 2-2.5 เมตร
    • การคลุมแปลง: คลุมแปลงด้วยพลาสติกคลุมแปลง ฟางข้าว หรือเศษใบไม้แห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดิน และป้องกันวัชพืช

    3. การดูแลรักษา

    • การให้น้ำ: ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงออกดอกและติดผล แต่ระวังอย่าให้น้ำขัง
    • การให้ปุ๋ย:
      • ใส่ปุ๋ยรองพื้นก่อนปลูก เช่น ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
      • ใส่ปุ๋ยบำรุงในช่วงออกดอกและติดผล โดยใช้ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วน
    • การผสมเกสร: ฟักทองญี่ปุ่นมีดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกัน หากต้องการให้ติดผลดี ควรผสมเกสรด้วยมือในช่วงเช้า (6:00-10:00 น.)
    • การป้องกันกำจัดโรคและแมลง:
      • หมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันและกำจัดโรคและแมลง
      • ใช้สารป้องกันกำจัดโรคและแมลงตามความจำเป็น โดยเลือกใช้สารที่มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม

    4. การเก็บเกี่ยว

    • ระยะเก็บเกี่ยว: ฟักทองญี่ปุ่นจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่อผลมีอายุประมาณ 80-100 วัน
    • สังเกตลักษณะ: ผลมีสีเหลืองนวล เปลือกแข็ง และขั้วผลเริ่มแห้ง
    • การเก็บเกี่ยว: ใช้กรรไกรตัดขั้วผล โดยเหลือขั้วติดผลไว้เล็กน้อย เพื่อป้องกันการเน่าเสีย

    ข้อควรระวังเพิ่มเติม

    • สภาพอากาศ: ฟักทองญี่ปุ่นชอบอากาศอบอุ่น มีความชื้นพอเหมาะ อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 15-30 องศาเซลเซียส
    • แสงแดด: ฟักทองญี่ปุ่นต้องการแสงแดดเต็มที่ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน
    • การปลูกในโรงเรือน: ในช่วงฤดูฝน ควรปลูกในโรงเรือน เพื่อป้องกันผลเน่าเสียจากความชื้น

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    • การทำค้าง: ทำค้างให้ฟักทองญี่ปุ่นเลื้อย เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพดี และเก็บเกี่ยวง่าย
    • การผสมเกสร: การผสมเกสรด้วยมือในช่วงเช้า จะช่วยเพิ่มอัตราการติดผล
    • การใส่ปุ๋ย: การใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วน จะช่วยให้ฟักทองญี่ปุ่นมีผลผลิตที่สมบูรณ์

    การเก็บรักษา

    เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 10-15°C ความชื้นสัมพัทธ์ 50-70% และมีการระบายอากาศที่ดี การสัมผัสกับอุณหภูมิต่ำกว่า 10°C ซ้ำๆ อาจทำให้เกิดความเสียหายจากความเย็นจัด ฟักทองคาโบฉะจะมีรสหวานขึ้นเมื่อเก็บไว้สองสามสัปดาห์ พันธุ์สีเขียวจะเก็บรักษาได้นานถึง 4-5 เดือนในที่เก็บรักษา พันธุ์ Winter Sweet จะเก็บรักษาได้นานถึง 6 เดือน พันธุ์ Sunshine เป็นข้อยกเว้นและอร่อยทันทีที่เก็บเกี่ยวจากสวน และเก็บได้นานสูงสุดเพียง 3 เดือน




    หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์
    ขอให้สนุกกับทุกประสบการณ์เพาะปลูกนะคะ