- ไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี, ยาฆ่าแมลง, สารกำจัดวัชพืช, หรือสารเคมีอื่นๆ
- ไม่ใช้เมล็ดพันธุ์ GMO ไม่ใช้เมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการตัดต่อพันธุกรรม
- เน้นการใช้ปุ๋ยธรรมชาติ เช่น ปุ๋ยหมัก, ปุ๋ยคอก, หรือปุ๋ยพืชสด
- รักษาสมดุลของระบบนิเวศ ส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพและรักษาสุขภาพดิน
เมล็ดพันธุ์ออร์แกนิค ดีอย่างไร?
- ปลอดภัยจากสารเคมี เมล็ดพันธุ์ออร์แกนิคมาจากพืชที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง สารกำจัดวัชพืช จึงปลอดภัยต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
- ดีต่อสุขภาพ การบริโภคพืชผักที่ปลูกจากเมล็ดพันธุ์ออร์แกนิคช่วยลดความเสี่ยงในการรับสารเคมีตกค้าง ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว
- รักษาสมดุลของระบบนิเวศ การปลูกพืชด้วยเมล็ดพันธุ์ออร์แกนิคส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ รักษาสุขภาพดิน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- มีคุณค่าทางโภชนาการสูง พืชที่ปลูกจากเมล็ดพันธุ์ออร์แกนิคมักมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่า เนื่องจากดินที่อุดมสมบูรณ์และวิธีการปลูกแบบธรรมชาติ
ทำไมราคาสูงกว่าเมล็ดพันธุ์ทั่วไป?
- ต้นทุนการผลิตสูง การปลูกพืชแบบออร์แกนิคต้องใช้แรงงานและเวลามากกว่า เนื่องจากไม่ใช้สารเคมีสังเคราะห์ และต้องดูแลดินและพืชอย่างพิถีพิถัน
- กระบวนการรับรองมาตรฐาน เมล็ดพันธุ์ออร์แกนิคต้องผ่านกระบวนการรับรองมาตรฐานที่เข้มงวด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง
- ปริมาณผลผลิตน้อยกว่า การปลูกพืชแบบออร์แกนิคมักให้ผลผลิตน้อยกว่าการปลูกพืชแบบทั่วไป ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยสูงขึ้น
- ความต้องการของตลาด ความต้องการเมล็ดพันธุ์ออร์แกนิคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาสูงขึ้นตามกลไกตลาด
โดยสรุปแล้ว เมล็ดพันธุ์ออร์แกนิคมีข้อดีต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่มีราคาสูงกว่าเนื่องจากต้นทุนการผลิตและกระบวนการรับรองมาตรฐานที่สูงกว่า
OP และ F1 คืออะไร ?
- OP = ย่อมาจาก Open Pollinated
เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการปลูกจากรุ่นสู่รุ่น เรื่อยมาจนได้สายพันธุ์ที่นิ่งหรือที่เราเรียกว่าสายพันธุ์แท้ เมล็ดพันธุ์ชนิดนี้เราสามารถเก็บเมล็ดจากต้นแม่ที่ปลูก และนำมาปลูกต่อได้โดยสมบูรณ์ ไม่ผิดเพี้ยน
- F1 = ย่อมาจาก Hybrid F1
เป็นเมล็ดพันธุ์ที่เกิดจากการผสมเกสรจากหลายสายพันธุ์ เพื่อปรับปรุง พัฒนาสายพันธุ์ให้ได้คุณลักษณะที่ดีขึ้น เมล็ดชนิดนี้หากเก็บเมล็ดเพื่อนำมาปลูกต่อจะได้ผลลัพธ์ที่ผิดเพี้ยนไปจากต้นแม่ที่ปลูก จึงไม่นิยมเก็บเมล็ดเพื่อนำมาปลูกต่อ
เมล็ดมีอายุเท่าไร ?
อายุของเมล็ดพันธุ์นั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับชนิดของพืชและวิธีการเก็บรักษา โดยทั่วไปแล้วเมล็ดพันธุ์จะมีอายุ 1-2 ปี นับจากวันผลิต แต่เพื่ออัตราการงอกที่ดีที่สุด เราขอแนะนำให้คุณใช้งานเมล็ดพันธุ์ภายใน 6 เดือน หลังจากวันที่ได้รับสินค้า และเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ในสภาพที่เหมาะสม
- ข้าว
- ข้าวโพด
- ถั่วเขียว
- พืชผักบางชนิด
- ถั่วเหลือง
- ถั่วลิสง
- เมล็ดทานตะวัน
- ดอกไม้ต่างๆ
แม้ว่าเมล็ดพันธุ์บางชนิดจะสามารถเก็บรักษาได้นานหลายปี แต่อัตราการงอกของเมล็ดพันธุ์จะลดลงเมื่อเก็บไว้นานขึ้น
ในหนึ่งซอง มีจำนวนกี่เมล็ด ?
ในแต่ละรายการเมล็ดพันธุ์จะมีจำนวนเมล็ดที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับต้นทุนของเมล็ดพันธุ์ชนิดนั้นๆ โดยเราจะบรรจุไว้ 2 ขนาดให้เลือกซื้อคือ ขนาด S และ ขนาด L
ทางร้านจะนำเข้าเมล็ดพันธุ์ใหม่อยู่เป็นประจำ เพื่อรักษาไว้ซึ่งคุณภาพเมล็ดพันธุ์ อัตราการงอกที่ดีเป็นหัวใจสำคัญ ในบางครั้งอาจพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงจำนวนเมล็ดเพิ่มมากขึ้นหรือลดจำนวนลงไปจากเดิม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการปรับราคาจากผู้ผลิต และค่าธรรมเนียมบนแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์
รายละเอียดหน้าซอง บอกอะไร ?
Name : ชื่อสายพันธุ์พืช หรือชื่อเรียกทางการค้า
Seeds : จำนวนเมล็ด
Seed Type : ชนิดของเมล็ดพันธุ์ OP หรือ F1
Germ : อัตราการงอกคิดเป็น% (ในวงเล็บ = วันที่ทำการทดสอบอัตราการงอก เดือน/ปี)
Days to Germ : ระยะเวลาในการเพาะเมล็ด
Soil Temp : อุณหภูมิดินที่เหมาะสมต่อการงอกของเมล็ด
Lot : วันที่นำเข้า เดือน/ปี
วิธีเพาะปลูก หรือการใช้งานสินค้า ดูได้ที่ไหน ?
คุณสามารถเปิดดูข้อมูลการเพาะปลูกพืชชนิดนั้นๆ หรือรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม จากการสแกน QR Code ที่หน้าซอง หรือบนบรรจุภัณฑ์สินค้าของเราได้เลยค่ะ หากโค้ดไม่สามารถสแกนได้ ก็สามารถเข้าไปค้นหาข้อมูลได้จาก www.growwithpuninsee.com เว็บไซต์ของเรา
ทางร้านช่วยเหลือลูกค้าในการเพาะปลูกอย่างไร ?
ในเบื้องต้น ทางร้านได้รวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลการเพาะปลูกทุกรายการเมล็ดพันธุ์เอาไว้แล้วในเว็บไซต์ของเรานี้ โดยมีเนื้อหามาจากประสบการณ์ตรงส่วนหนึ่ง และจากการแปลบทความของผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ส่วนหนึ่ง เราจะพยายามเข้าไปปรับปรุงเนื้อหาอยู่เสมอ เพื่อให้เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์กับคุณมากยิ่งขึ้น และหากคุณพบกับปัญหา มีข้อสงสัยใด ก็สามารถทักถามมาได้เสมอค่ะ
พืชผักต่างประเทศ สามารถเพาะปลูกในประเทศไทยได้หรือ ?เมล็ดพันธุ์ที่เราจำหน่ายทุกรายการ ผ่านการคัดสรรมาแล้วค่ะ ทั้งหมดสามารถปลูกได้ในสภาพอากาศประเทศไทย ในบางรายการจะพบรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องอุณหภูมิ, ภูมิภาค, ฤดูกาล ที่แนะนำ เนื่องจากพืชมีความต้องการเป็นพิเศษ เพื่อชี้ให้เห็นถึงข้อจำกัดในฤดูกาล หรือสภาพที่มีความเหมาะสมเอาไว้ เช่น กะหล่ำปลี, กะหล่ำดาว, บล็อคโคลี, แนสเตอเตียม, ถั่วลันเตาหวาน, หัวหอมใหญ่ เป็นต้น
ทางร้านของหมดบ่อย จะมีสินค้าเข้ามาเติมอีกเมื่อไร ?
เมล็ดพันธุ์ที่เราจำหน่ายอยู่นั้น บ่อยครั้งสินค้าก็จะขาดหายไปนาน เนื่องจาก Crop Failure ความล้มเหลวในการผลิตพืชผล หรือการเก็บเกี่ยวเมล็ดพันธุ์อินทรีย์นั้นเกิดขึ้นได้เป็นปกติ ตลอดจนปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการขนส่งระหว่างประเทศ
ปันอินทรีย์ มีหน้าร้านไหม ?
ขออภัยในความไม่สะดวก
ขณะนี้ ยังไม่มีหน้าร้านให้บริการค่ะ
หากคุณต้องการสั่งซื้อสินค้าและนัดหมายรับสินค้า
สามารถนัดรับได้ที่ทำการของเรา (สถานที่ ธำรงฟาร์ม จ.นครนายก)
ติดต่อเรา โทร 089 979 9791
คุณจะไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษจากเรา แนะนำให้กดติดตาม
ช่องทางติดต่อ พูดคุยทักถาม และเรื่องเล่าจากแปลงปลูกผัก