Snap Peas

LATIN NAME
Pisum sativum
SCIENTIFIC NAME
Pisum sativum

GERMINATION GUIDE
Soil Temperature
ช่วงอุณหภูมิดินที่เหมาะสมในการงอก
24-28 °C
Days to Germination
ระยะเวลาในการเพาะเมล็ด
5-7 วัน

DAYS TO MATURITY
51-52 ระยะเก็บใบ

SUN REQUIREMENT
แสงแดดส่องถึงอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน

สายพันธุ์พืช
(ชื่อเรียกทางการค้า)


Sugar Ann Snap Peas
Organic Seed
Open Pollinated (OP)

AAS Winners
AAS เป็นองค์กรที่ไม่ขึ้นกับบริษัทใดๆ และไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อผลกำไร
พวกเขาทำการทดสอบพันธุ์พืชใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยมีการขายมาก่อน คัดเลือกเฉพาะพันธุ์พืชที่มีผลการทดสอบยอดเยี่ยมเท่านั้น ที่จะได้รับการแนะนำในฐานะ AAS Winners การทดสอบของ AAS มุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพของพันธุ์พืชในการปลูกในสวนทั่วไป ปลูกกินเอง


ชูการ์ แอนน์ ถั่วลันเตาพันธุ์นี้เป็นที่นิยมมาก เพราะให้ผลผลิตสม่ำเสมอในฤดูกาลแรก และมีรสชาติอร่อย ขนาดฝักยาวประมาณ 5-6 cm มีระยะเก็บเกี่ยวเร็ว รอไม่นาน และให้ผลผลิตพร้อมกัน ต้นเป็นพุ่มเตี้ย สูงประมาณ 50 cm และมีฝัก 1-2 ฝักต่อข้อ แนะนำวิธีรับประทาน ควรดึงเส้นข้างฝักออกก่อนนำไปปรุงอาหาร 

Sugar Ann ได้รับรางวัล AAS Winner (All-America Selections Winner) ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับพันธุ์พืชที่ดีเยี่ยม ได้รับการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์อินทรีย์จาก USDA (กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา)

วิธีเพาะปลูก
Snap Peas ถั่วลันเตา

เป็นพืชล้มลุกฤดูเย็นในตระกูล Leguminosae
ซึ่งรวมถึงถั่วชนิดต่างๆ เช่น ถั่วแขก ถั่วลูกไก่ ถั่วเลนทิล และถั่วลิสง

ประเภทของถั่วลันเตา
  • ถั่วลันเตาฝัก (Shell peas/English peas): เป็นถั่วลันเตาเนื้อนุ่มที่เติบโตภายในฝักแข็ง ซึ่งจะถูกทิ้ง
  • ถั่วลันเตาหวาน (Snow peas): มีฝักหวานอร่อย เก็บเกี่ยวในขณะที่ถั่วลันเตายังเล็ก
  • ถั่วลันเตาหวานกรอบ (Snap peas): มีฝักที่กินได้และมีเนื้อชุ่มฉ่ำ รวมถึงถั่วลันเตาหวานอวบอิ่ม


  • พืชฤดูเย็น: ถั่วลันเตาชอบอากาศเย็น
    สามารถปลูกในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเย็นลง เช่น ฤดูหนาว (พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์) แต่หากต้องการปลูกในกระถาง และควบคุมสภาพแวดล้อม ก็สามารถปลูกได้ด้วยการควบคุมสภาพปัจจัยให้มีอุณหภูมิไม่ร้อนเกินไป
    • แนะนำเลือกสายพันธุ์เตี้ย
    • กระถาง 12 นิ้วขึ้นไป (หรือกว้างและลึกประมาณ 30 cm)
    ดิน:
    ดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก 1:1
    ค่า pH ระหว่าง 6.5-6.8 ปรับค่า pH ด้วยปูนขาวบดหรือขี้เถ้าไม้

    การใส่เชื้อไรโซเบียม (Inoculate): ใส่เชื้อไรโซเบียมลงในเมล็ดถั่วก่อนปลูก เพื่อกระตุ้นการสร้างปมไนโตรเจนที่รากพืช ซึ่งจะช่วยบำรุงดิน ทำให้ต้นใหญ่ขึ้น และเพิ่มผลผลิต

    โรคพืช

    • โรครากเน่าของถั่ว (pea root rot): เกิดจากเชื้อรา Fusarium sp. หรือ Aphanomyces euteiches ทำให้ใบเหลืองและแห้งตายจากโคนต้นขึ้นไป การควบคุมที่ดีที่สุดคือการทำให้ดินระบายน้ำได้ดี และหมุนเวียนพืชโดยไม่ปลูกพืชตระกูลถั่วอย่างน้อยสามปี
    • โรคราแป้ง (Powdery mildew): ทำให้เกิดเชื้อราสีขาวเป็นผงบนใบ ลำต้น และฝักในช่วงอากาศร้อน เลือกพันธุ์ที่ทนทานต่อโรค

    สารอาหารในดินและความต้องการ

    • เนื่องจากถั่วลันเตาปลูกในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิซึ่งมักมีสภาพเปียก การระบายน้ำที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ ดินทรายเป็นดินที่ดีที่สุด
    • เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดี ควรปรับค่า pH ของดินให้สูงกว่า 6.0 โดยใช้ปูนขาว หรือขี้เถ้าไม้ในบริเวณที่ดินมีโพแทสเซียมต่ำ
    • สำหรับไนโตรเจน ปริมาณ 2-3 กรัมต่อตารางเมตร ก็เพียงพอแล้ว ปริมาณที่สูงกว่าอาจทำให้ใบเขียวชอุ่ม แต่มีดอกน้อย และการติดผลน้อย
    • ถั่วลันเตาตรึงไนโตรเจนในดินผ่านความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันกับแบคทีเรีย เพื่อให้แน่ใจว่ามีแบคทีเรียที่มีอยู่ก่อนจำนวนเพียงพอ ให้ผสมเมล็ดกับสารกระตุ้นการสร้างปมไนโตรเจน (inoculants) ก่อนปลูก

    การเพาะเมล็ดและการปลูก

    • แช่เมล็ดในน้ำ 6-12 ชั่วโมงก่อน แล้วใส่กล่องบ่มในผ้าชื้น ปิดฝา 1 วัน
      รอให้เมล็ดปริงอกก่อนนำไปเพาะ วิธีนี้จะช่วยเพิ่มอัตราการงอกได้ดีขึ้น ลดโอกาสเมล็ดเน่าอยู่ในดิน หรือถูกสัตว์รบกวน
    • นำเมล็ดที่ปริงอก ลงเพาะในถุงเพาะ, ถาดเพาะ หรือหยอดเมล็ดลงแปลงปลูกโดยตรงเลยก็ได้
    • หากเพาะเมล็ดในถุงเพาะ, ถาดเพาะ ควรย้ายกล้าเมื่อมีใบจริง 2-3 ใบ
    • ทำค้างให้เกาะตั้งแต่เริ่มปลูก เพื่อให้ต้นเจริญเติบโตได้ดี อากาศถ่ายเทดี เก็บเกี่ยวได้สะดวก

    ความลึกในการหว่านเมล็ด

    • ความลึกในการหว่านเมล็ด 2.5- 3 cm

    ระยะห่างระหว่างต้น

    • หากต้องการให้ต้นห่างกัน 5-10 cm

    ระยะห่างระหว่างแถว

    • 45-60 cm

    ช่วงเวลาในการหว่านเมล็ด

    • หว่านเมล็ดโดยตรงทันทีที่ดินสามารถพรวนได้ในฤดูใบไม้ผลิ
    • เมล็ดจะงอกในอุณหภูมิดินต่ำถึง 4-5°C แม้ว่าจะช้าก็ตาม เมื่อดินมีอุณหภูมิประมาณ 15-16°C เมล็ดจะงอกได้เร็วขึ้น
    • สภาพอากาศร้อนและแห้งส่งผลเสียต่อคุณภาพและผลผลิต ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์ที่จะทำให้พืชโตเต็มที่เร็วที่สุดเท่าที่ตารางการปลูกจะอนุญาต ในบางภูมิภาค คุณสามารถปลูกพืชในฤดูใบไม้ร่วงได้สำเร็จโดยการปลูกในช่วงปลายฤดูร้อน

    การดูแลรักษา

    • ให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงออกดอกและติดฝัก แต่ระวังอย่าให้น้ำขังแฉะ
    • ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารครบถ้วน โดยเน้นปุ๋ยที่มีฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมในช่วงออกดอกและติดฝัก
    • การรดโคนต้น หรือฉีดพ่นใบ เลือกใช้ปุ๋ยปลา+ปุ๋ยสาหร่าย บำรุงพืชอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อผลผลิตที่ดี เติมธาตุอาหารที่หลากหลาย บำรุงรากให้สมบูรณ์แข็งแรง สามารถดูดซึมธาตุอาหารในดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • การให้ปุ๋ย เติมดิน ใส่ปุ๋ยหมักหรือดินหมัก เดือนละ 1 ครั้ง เลือกใช้ปุ๋ยที่ผ่านกระบวนการหมักที่สมบูรณ์และสะอาด ปราศจากโรคและแมลงปนเปื้อน
    • ให้ปุ๋ยทางใบ ควรฉีดพ่นใต้ใบในเวลาเช้าตรู่ เป็นช่วงเวลาที่พืชเปิดปากใบ ฉีดพ่นก่อนเวลาที่พืชจะพบกับแสงแดดจัด ปุ๋ยที่มีธาตุอาหารรองและธาตุอาหารเสริม (เช่น แคลเซียม โบรอน) จะช่วยป้องกันการขาดธาตุอาหาร และช่วยให้ผลผลิตดี มีคุณภาพ

    • กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการแย่งอาหารและน้ำ
    • ป้องกันและกำจัดแมลงและโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น เพลี้ยอ่อน หนอนเจาะฝัก และโรคราแป้ง

    การเก็บเกี่ยว

    • เก็บเกี่ยวได้เมื่อฝักมีขนาดใหญ่ อวบอ้วน และมีสีเขียวสดใส
    • ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อรักษาความสดและรสชาติของ Sugar Snap Pea
    • เก็บเกี่ยวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นให้ต้น Sugar Snap Pea ออกฝักใหม่

    การเก็บรักษา

    • เก็บฝักถั่วลันเตาไว้ที่อุณหภูมิใกล้จุดเยือกแข็งประมาณ 1 สัปดาห์

    เคล็ดลับเพิ่มเติม

    • เก็บเกี่ยว Sugar Snap Pea ในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด
    • คลุมดินด้วยฟางหรือวัสดุคลุมดินอื่นๆ เพื่อรักษาความชื้นในดินและป้องกันวัชพืช
    • ปลูก Sugar Snap Pea ในช่วงฤดูที่มีอากาศเย็น จะช่วยให้ได้ผลผลิตที่ดีกว่า

    ข้อควรระวัง

    • หลีกเลี่ยงการปลูก Sugar Snap Pea ในที่ที่มีน้ำขังแฉะ เพราะจะทำให้รากเน่า
    • ระวังแมลงและโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และรีบกำจัดทันทีที่พบ
    • ปลูกพืชหมุนเวียน เพื่อป้องกันการสะสมของโรคและแมลงในดิน

    หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์
    ขอให้สนุกกับทุกประสบการณ์เพาะปลูกนะคะ