Basil

LATIN NAME
Ocimum basilicum
SCIENTIFIC NAME
Ocimum basilicum

GERMINATION GUIDE
Soil Temperature
ช่วงอุณหภูมิดินที่เหมาะสมในการงอก
18-21 °C
Days to Germination
ระยะเวลาในการเพาะเมล็ด
5-10 วัน

DAYS TO MATURITY
65-68 วัน

HYDROPONIC PERFOEMER
ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์ได้

SUN REQUIREMENT
แสงแดดตลอดวัน

สายพันธุ์พืช
(ชื่อเรียกทางการค้า)



Genovese Basil
Organic Seed เมล็ดพันธุ์ออร์แกนิค
Open Pollinated พันธุ์ผสมเปิด

เจโนเวส/เจโนเวเซ อิตาเลียนคลาสสิก
คนรักโหระพาต่างแนะนำเป็นเสียงเดียวกันว่า จีโนเวสเป็นพันธุ์ที่ดีที่สุดสำหรับเพสโต้!

ต้นให้ผลผลิตใบสีเขียวเข้มเป็นมันเงาอย่างแข็งแรง มีลักษณะเป็นรูปช้อน เนื้อสัมผัสนุ่มเป็นพิเศษ
และรสชาติโดดเด่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทำซอสและปรุงอาหาร ด้วยมีรสชาติและรูปลักษณ์ดั้งเดิม ต้นสูงและค่อนข้างโตช้า ใบสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ประมาณ 3 นิ้ว สายพันธุ์ทั่วไปนี้อาจมีความแปรปรวนในรูปร่างใบและขนาดต้น แม้ว่าจะเหมาะสำหรับปลูกในแปลงและสวน ความสูงต้น 25-30 เซนติเมตร

ดอกไม้กินได้ ใช้ดอกไม้ในสูตรอาหารใดๆ ที่ต้องการเบซิล หรือใช้ตกแต่งเครื่องดื่ม, สลัด, ซุป, พาสต้า และของหวาน รสชาติเข้มข้นเหมือนเบซิล

นอกจากนี้ยังมีแบบเคลือบเม็ดที่สอดคล้องกับมาตรฐาน NOP (National Organic Program) ได้รับการรับรองเกษตรอินทรีย์จาก USDA (กระทรวงเกษตรสหรัฐ)



วิธีเพาะปลูก
Basil โหระพาฝรั่ง

เป็นพืชล้มลุกที่ชอบอากาศอบอุ่นและดินร่วนซุย เหมาะสำหรับทำอาหาร, ตัดดอก และใช้เป็นสมุนไพรแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ต้องการดินระบายน้ำดีแต่ชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์ ไม่ทนแล้ง ต้องรักษาระดับความชื้นให้สม่ำเสมอ เพื่อการเจริญเติบโตที่ดี

การเพาะเมล็ด
หยอดเมล็ดลึก 1/4 นิ้ว แนะนำให้เพาะกล้าก่อนย้ายปลูก ถ้าเพาะเมล็ดโดยตรง ให้หยอด 2-3 เมล็ดต่อ 1 นิ้ว แล้วถอนให้เหลือระยะห่าง 4-8 นิ้ว

ระยะปลูก
แนะนำให้ย้ายกล้าปลูกโดยเว้นระยะ 4-8 นิ้ว ถ้าเพาะเมล็ดโดยตรง ให้หยอด 2-3 เมล็ดต่อ 1 นิ้ว
แล้วถอนให้เหลือระยะห่าง 4-8 นิ้ว

ระยะห่างระหว่างแถว
18 นิ้ว

ช่วงเวลาเพาะปลูก
เพาะกล้าในร่ม 6 สัปดาห์ก่อนย้ายปลูก หรือเพาะเมล็ดโดยตรงช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิถึงปลายฤดูร้อน โหระพาอ่อนแอต่อความเย็น ใช้ผ้าคลุมแถวเพื่อยืดฤดูการปลูก เด็ดยอดเพื่อกระตุ้นการแตกกิ่งและการผลิตใบ

การเก็บเกี่ยว
เริ่มเก็บเกี่ยวได้เมื่อต้นตั้งตัวได้ โดยเด็ดยอดหรือตัดกิ่ง แต่ปล่อยให้ต้นผลิตใบต่อไป เก็บเกี่ยวทั้งต้นก่อนที่ต้นจะเริ่มออกดอก (รสชาติจะเปลี่ยนไปเมื่อออกดอก) ตัดทั้งต้นเหนือพื้นดิน 4-6 นิ้ว เพื่อให้แตกยอดใหม่

การเก็บรักษา
เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องโดยไม่ต้องล้าง เพื่อป้องกันการเกิดสีน้ำตาล อย่าเก็บไว้ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 10°C

แมลงศัตรู
  • เพลี้ย ควบคุมโดยการกำจัดด้วยมือ (ฉีดน้ำ แต่ระวังเชื้อราและราน้ำค้าง), สบู่น้ำมัน หรือน้ำมันพืชสวน หรือซื้อเต่าทองหรือตัวต่อเบียนมาช่วย
  • แมลงเต่าทองญี่ปุ่น กินใบเป็นรู ควบคุมโดยการเก็บแมลงออกและจุ่มในน้ำสบู่
โรค
  • ราน้ำค้าง ปัญหาใหญ่ เลือกพันธุ์ต้านทาน และระบายอากาศให้ดี
  • โรคเหี่ยวฟิวซาเรียม ทำให้ต้นแคระแกร็นและเหี่ยว เลือกพันธุ์ต้านทาน
  • ราสีเทา เกิดในที่ชื้นและอากาศไม่ถ่ายเท ระบายอากาศให้ดีและรักษาสุขอนามัย
  • โรคเน่าคอดิน/รากเน่า เกิดในระยะต้นกล้า ใช้ดินปลูกสะอาดและกระถางฆ่าเชื้อ
    หลีกเลี่ยงการรดน้ำมากเกินไป

เคล็ดลับ

  • การเด็ดยอด
    เริ่มเด็ดยอดตั้งแต่ 60 วันหลังจากต้นกล้ามีใบจริง 2 คู่ขึ้นไป เด็ดใบจากปลายยอดตามต้องการ

  • การเก็บสด
    เก็บในช่วงเช้าตรู่เพื่อให้ได้น้ำมันหอมระเหยสูงสุด

  • การตากแห้งหรือแช่แข็ง
    เก็บใบที่มีน้ำมันหอมระเหยสูงสุด ก่อนออกดอก

  • การเก็บใบ
    เด็ดยอดเหนือคู่ใบจากด้านบน เพื่อให้ต้นเป็นพุ่ม

  • ข้อควรระวัง
    อย่าเก็บใบมากเกินไปในครั้งเดียว เพราะจะทำให้ต้นอ่อนแอ

  • ดอกไม้
    ดอกไม้ก็กินได้และใช้ตกแต่งอาหารได้

  • การตากแห้ง
    ตัดกิ่งทั้งกิ่งในเช้าที่อากาศแห้ง มัดกิ่งรวมกันหลวมๆ เป็นกลุ่มเล็กๆ แขวนในที่แห้ง อากาศถ่ายเท และไม่โดนแสงแดดโดยตรง หรือตากบนผ้าขาวบางหรือตะแกรงในที่แห้งและร่มรื่น เมื่อแห้งสนิท เก็บในขวดแก้วปิดสนิทในที่แห้งและมืด

  • การแช่แข็ง
    แช่แข็งใบแห้งบนถาดคุกกี้ แล้วใส่ถุงซิปล็อค หรือสับละเอียดแล้วแช่แข็งในถาดน้ำแข็งกับน้ำหรือน้ำมันมะกอก

คำถามที่พบบ่อย

ทำไมใบโหระพาจึงมีรสขม?

สาเหตุที่โหระพาของคุณมีรสขม อาจเป็นเพราะ

การออกดอก เมื่อโหระพาเริ่มออกดอก โดยเฉพาะในช่วงอากาศร้อนจัดในฤดูร้อน ใบจะมีรสขมได้
นี่เป็นกลไกทางธรรมชาติของพืช
ช่วงหมดผลิตผล เมื่อโหระพาเริ่มออกดอก ต้นก็จะหยุดผลิตใบที่มีคุณภาพดีและมีรสชาติอร่อย

 

หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์
ขอให้สนุกกับทุกประสบการณ์เพาะปลูกนะคะ