LATIN NAME
Capsicum annuum
SCIENTIFIC NAME
Capsicum spp.
TYPE
Sweet Bell Pepper
Soil Temperature
ช่วงอุณหภูมิดินที่เหมาะสมในการงอก
27-32 °C
Days to Germination
ระยะเวลาในการเพาะเมล็ด
7-14 วัน
DAYS TO MATURITY
55 green; 75 red ripe
75 วัน ผลสุก เปลี่ยนเป็นสีแดง/สีเหลือง
SUN REQUIREMENT
แสงแดดครึ่งวัน
SUN REQUIREMENT
แสงแดดครึ่งวัน
เลี่ยงแดดจัด แดดบ่าย เลี่ยงอากาศร้อนสูง
สายพันธุ์พืช
(ชื่อเรียกทางการค้า)
Cupid Mini Bell Pepper
Organic Seed
Hybrid (F1)
Eros Mini Bell Pepper
Organic Seed
Hybrid (F1)
คำแนะนำการเพาะปลูก (CULTURE)
สภาพดินที่เหมาะสม
พริกเจริญเติบโตได้ดีในดินที่ ระบายน้ำได้ดีและมีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีค่า pH 6.5 เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีที่สุด พืชต้องการ ฟอสฟอรัสและแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ
การเพาะกล้า (GROWING SEEDLINGS)
หว่านหรือหยอดเมล็ดในถาดเพาะกล้า หรือลงถาดทรงตื้น โดยหว่านหรือหยอดเมล็ดลึก 1/4 นิ้ว (ประมาณ 0.6 ซม.) แนะนำช่วง เดือนตุลาคม-พฤศจิกาายน
อุณหภูมิในการงอก
อุณหภูมิในการงอก
หากเป็นไปได้ให้รักษาอุณหภูมิดินไว้ที่ 27−32°C เมล็ดพริกจะงอกช้ามากในดินที่เย็น
การย้ายกล้า
การย้ายกล้า
เมื่อมีใบจริงชุดแรกปรากฏ ให้ย้ายกล้าลงในกระถางหลุมขนาด 2 นิ้ว หรือกระถางขนาด 4 นิ้ว
อุณหภูมิการเจริญเติบโต
อุณหภูมิการเจริญเติบโต
ควรเลี้ยงกล้าไม้ที่อุณหภูมิประมาณ 21°C ในเวลากลางวัน และ 16°C ในเวลากลางคืน
การปรับสภาพด้วยความเย็น (COLD TREATMENT)
เป็นเทคนิคปรับให้กล้าไม้สัมผัสกับความเย็นแบบควบคุมสามารถช่วยเพิ่มจำนวนดอกและผลได้
เมื่อกล้ามีใบจริงใบที่สามปรากฎ ให้เลี้ยงพืชโดยควบคุมอุณหภูมิกลางคืนให้ต่ำสุดที่ 12−13°C เป็นเวลา 4 สัปดาห์ โดยพืชจะต้องได้รับแสงแดดเต็มที่, หลังจาก 4 สัปดาห์ ให้ปรับอุณหภูมิกลางวันและกลางคืนกลับไปที่ 21°C หากใช้วิธีนี้ ควรเริ่มหว่านเมล็ดพริกให้เร็วขึ้นกว่าปกติ 1-2 สัปดาห์
การย้ายปลูกลงแปลง ลงดินปลูก (TRANSPLANTING)
เมื่อสภาพต้นกล้าเหมาะสม คือมีตาดอก แต่ ยังไม่มีดอกที่บาน
ระยะปลูก
ตั้งระยะห่างระหว่างต้น 30-45 ซม. และระยะห่างระหว่างแถว 60-90 ซม.
การบำรุง
การบำรุง
ควรรดน้ำต้นกล้าที่ย้ายปลูกด้วยสารละลายที่มี ฟอสฟอรัสสูง
การใช้วัสดุคลุมแปลง (ROW COVERS)
การใช้พลาสติกคลุมดินสีดำช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศหนาวเย็น และช่วยให้ออกผลเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับผ้าคลุมแถวชนิดน้ำหนักเบา (Fabric Row Covers) ที่มีโครงลวดรองรับ
ควรถอดผ้าคลุมแถวออกในสภาพอากาศที่มีแดดจัดและอุณหภูมิสูงกว่า 29°C เพื่อป้องกันดอกร่วงและความเสียหายที่เกิดจากความร้อน
การใช้วัสดุคลุมแปลง (ROW COVERS)
การใช้พลาสติกคลุมดินสีดำช่วยลดผลกระทบจากสภาพอากาศหนาวเย็น และช่วยให้ออกผลเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ร่วมกับผ้าคลุมแถวชนิดน้ำหนักเบา (Fabric Row Covers) ที่มีโครงลวดรองรับ
ควรถอดผ้าคลุมแถวออกในสภาพอากาศที่มีแดดจัดและอุณหภูมิสูงกว่า 29°C เพื่อป้องกันดอกร่วงและความเสียหายที่เกิดจากความร้อน
ศัตรูพืช (INSECT PESTS)
- หนอนกระทู้หอม (Climbing Cutworms): ควบคุมโดยใช้ Bacillus thuringiensis (Bt) หรือใช้ปลอกกระดาษคลุมโคนต้น
- เพลี้ยจักจั่น (Tarnished Plant Bugs), เพลี้ยอ่อน (Aphids), และด้วงหมัดผัก (Flea Beetles): ควบคุมโดยใช้สาร ไพรีทริน (pyrethrin)
โรคและปัญหาที่อาจพบเจอ
- โรคจุดแบคทีเรีย (Bacterial Spot) และไฟทอฟทอร่า (Phytophthora)
ป้องกันโดยการให้น้ำเฉพาะระบบ น้ำหยดเท่านั้น, ปลูกในดินที่ระบายน้ำได้ดี ไม่มีปัญหาน้ำท่วมขัง, ลดการบดอัดดิน, และหมุนเวียนการปลูกพืช
- ผิวไหม้แดด (Sunscald)
เกิดจากการที่ ใบปกคลุมไม่เพียงพอ ซึ่งสายพันธุ์นี้ถูกพัฒนามาเพื่อช่วยลดปัญหานี้ - ก้นผลเน่า (Blossom End Rot)
ป้องกันโดยการมีแคลเซียมในดินที่เพียงพอ และการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ อาการต้นใหญ่ใบดกแต่ผลน้อยอาจเกิดจาก ไนโตรเจนที่มากเกินไป, อุณหภูมิร้อนหรือเย็นจัดในช่วงออกดอก, ความเสียหายจากเพลี้ยจักจั่น, หรือการเลือกพันธุ์ที่ให้ผลผลิตช้าและไม่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม - โรคจุดแบคทีเรีย (Bacterial Spot Notice)โรคนี้อาจติดมากับเมล็ดได้ เมล็ดพริกทุกล็อตได้รับการทดสอบโรคจุดแบคทีเรียแล้ว ผลการทดสอบปลอดโรคไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโรคอยู่เลย เพียงแต่ไม่พบเชื้อในตัวอย่างที่นำมาทดสอบเท่านั้น
การเก็บเกี่ยวและการเก็บรักษา (HARVEST AND STORAGE)
ให้เก็บเกี่ยวผลพริกชุดแรกทันที ที่ผลมีขนาดเต็มที่ เพื่อกระตุ้นให้พืชติดผลใหม่เพิ่มขึ้น
ล้างผลผลิตและเก็บรักษาที่อุณหภูมิ °C และความชื้นสัมพัทธ์ 95%