Iceberg ผักกาดแก้ว
ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: 57 วัน นับจากวันเพาะเมล็ด
แนะนำให้ใช้พีทมอสในการเพาะ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
ผักกาดแก้วไม่ชอบอากาศร้อนจัด แต่ต้องการแสงแดดในการเจริญเติบโต หากได้แสงน้อยเกินไปจะทำให้ต้นยืด และหากดินไม่อุดมสมบูรณ์พอจะไม่ห่อ เหมาะแก่การปลูกในฤดูหนาว หรือมีสภาพอากาศเย็น เพื่อรสชาติที่ดีของผักควรให้ความสำคัญกับการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และนับวันเก็บเกี่ยวมากกว่าการดูขนาดของผัก โปรดนับอายุตามวันที่แนะนำ เวลาที่เลยจากนั้นผักจะแก่เกินไป เสียรสชาติ ไม่อร่อย
- เตรียมวัสดุเพาะปลูก (ดินร่วน, ดินผสมขุยมะพร้าว, หรือพีทมอส)
- โรยเมล็ดลงบนผิววัสดุเพาะปลูก โรยไม่ให้เมล็ดทับกองกัน
- ปิดด้วยกระดาษเพื่อรักษาความชื้น รดน้ำ ดูแลดินให้ชุ่มชื้น วางไว้ในที่แดดรำไร หลังจากเริ่มงอก จึงนำกระดาษออก
- รอจนใบเลี้ยงเริ่มใหญ่ ย้ายต้นที่สมบูรณ์ลงถาดเพาะ แนะนำถาดเพาะขนาด 105 หลุม (1 หลุม 1 ต้น)
- นับหลังจาก 14-21 วัน (เมื่อมีใบจริง 3-4 ใบ) จึงย้ายต้นกล้าลงแปลงปลูก ระยะห่าง 30x30 ซม. หรือลงกระถางขนาด 12 นิ้ว
ผักกาดแก้วไม่ชอบอากาศร้อนจัด แต่ต้องการแสงแดดในการเจริญเติบโต หากได้แสงน้อยเกินไปจะทำให้ต้นยืด และหากดินไม่อุดมสมบูรณ์พอจะไม่ห่อ เหมาะแก่การปลูกในฤดูหนาว หรือมีสภาพอากาศเย็น เพื่อรสชาติที่ดีของผักควรให้ความสำคัญกับการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ และนับวันเก็บเกี่ยวมากกว่าการดูขนาดของผัก โปรดนับอายุตามวันที่แนะนำ เวลาที่เลยจากนั้นผักจะแก่เกินไป เสียรสชาติ ไม่อร่อย
สภาพดิน: ดินควรมีความชุ่มชื้นตลอดเวลา ระบายน้ำได้ดี อุดมด้วยธาตุอาหาร
เคล็ดลับ: เก็บผักในช่วงเช้าตรู่ดีที่สุด หลังจากเก็บผักควรล้างทำความสะอาด และแช่ผักในน้ำเย็นเป็นน้ำสุดท้ายสักครู่หนึ่ง สะบัดแห้ง เก็บใส่กล่องผัก วิธีนี้จะช่วยยืดอายุความสดของผักได้นาน 7-10 วัน
หากได้ผักกาดแก้วเป็นหัวห่อ การถนอมผักควรหั่นเป็นใบก่อนล้าง เพื่อการสะบัดแห้ง
updated Jul 2020