Anethum graveolens
SCIENTIFIC NAME
Anethum graveolens
Soil Temperature
ช่วงอุณหภูมิดินที่เหมาะสมในการงอก
29-31 °C
Days to Germination
ระยะเวลาในการเพาะเมล็ด
5-7 วัน
ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์ได้
Bright Lights ถูกพัฒนาโดยนักเพาะพันธุ์สมัครเล่นชาวนิวซีแลนด์ชื่อ John Eaton และบริษัท Johnny's Selected Seeds เป็นผู้คัดเลือกและดูแลสายพันธุ์สีต่างๆ และผลิตเมล็ดพันธุ์ อีกทั้ง
ได้รับรางวัล All-America Selections (AAS) ซึ่งเป็นการรับรองคุณภาพและความโดดเด่นของพันธุ์พืช
ผักใบเขียวที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ก้านใบสีสันสวยงาม
ใบ กินสดมีรสชาติคล้ายผักโขม แต่จะมีความขมน้อยกว่า และมีเนื้อสัมผัสที่เหนียวกว่า
ก้านใบ มีรสชาติหวานเล็กน้อย และมีความกรุบกรอบ
ด้วยรสชาติและเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผักสวิสชาร์ดสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เช่น
- สลัด นิยมนำใบอ่อนสดมาทานคู่กับน้ำสลัดต่างๆ เพื่อเพิ่มความสดชื่นและคุณค่าทางอาหาร
- ผัด นำไปผัดกับกระเทียม น้ำมันมะกอก หรือผัดรวมกับเนื้อสัตว์ต่างๆ
- ซุปและแกง ใส่ในซุปหรือแกงต่างๆ เพื่อเพิ่มรสชาติและคุณค่าทางอาหาร
- อาหารอบ ใช้เป็นส่วนผสมในพาสต้า ลาซานญ่า หรืออาหารอบอื่นๆ
- สมูทตี้ นำใบไปปั่นรวมกับผลไม้ต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร
- ไข่เจียวหรือออมเล็ต ผสมใบและก้านลงในไข่เจียวหรือออมเล็ตเพื่อเพิ่มรสชาติและสีสัน
นอกจากนี้ ผักสวิสชาร์ดยังเป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง
อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
วิธีเพาะปลูก
Swiss Chard
ผักสวิสชาร์ดชอบอากาศเย็นและชื้น อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตคือ 15-25°C ในประเทศไทยสามารถปลูกได้ดีในช่วงฤดูหนาวหรือในพื้นที่ที่มีอากาศเย็น, ต้องการแสงแดดเต็มที่อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน, ดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี มีอินทรียวัตถุสูง และมีค่า pH ระหว่าง 6.0-7.5
- ดิน: ควรมีค่า pH มากกว่า 6.0 ปรับค่า pH ของดินให้เหมาะสม หากดินเป็นกรดให้เติมปูนขาว ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักลงในดินเพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุ
- สภาพอากาศ: ชอบอากาศเย็นและอบอุ่น แต่ทนความร้อนได้บ้าง บริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
- การงอก: เมล็ดงอกได้ดีที่สุดในอุณหภูมิดิน 30°C
- การย้ายกล้า: เพาะกล้าก่อน เมื่อต้นกล้ามีอายุประมาณ 2-3 สัปดาห์ จึงย้ายลงแปลงปลูก
- การหว่านเมล็ดโดยตรง:
- ปลูกเป็นต้นใหญ่: หยอด 6 เมล็ด/ฟุต ระยะห่างแถว 12–18 นิ้ว
- ปลูกเป็นผักใบอ่อน: หยอด 1–2 เมล็ด/นิ้ว ระยะห่างแถว 2 นิ้วขึ้นไป
- การดูแล: รดน้ำสม่ำเสมอ และให้ปุ๋ยตามความเหมาะสม
หลีกเลี่ยงการปลูกผักสวิสชาร์ดในบริเวณที่มีน้ำขัง
การเก็บเกี่ยว
- ปลูกเป็นต้นใหญ่: ตัดหรือเด็ดใบที่โตเต็มที่ทีละใบ เก็บเกี่ยวเมื่อใบมีขนาดตามต้องการ
- ปลูกเป็นผักใบอ่อน: เก็บเกี่ยวเมื่อใบยาว 3–6 นิ้ว ตัดเหนือดิน 1 นิ้ว
- ผักสวิสชาร์ดสามารถเก็บเกี่ยวได้หลายครั้ง
เคล็ดลับเพิ่มเติม
- หากใช้เมล็ดเคลือบ ควรให้ความชื้นในดินสม่ำเสมอ
- เมล็ดขัดผิวจะช่วยให้หยอดเมล็ดด้วยเครื่องได้สม่ำเสมอขึ้น
ทำไมผักสวิสชาร์ด มีรสเปรี้ยว หรือรสขมประหลาด?
รสเปรี้ยว
กรดออกซาลิก (Oxalic Acid): ผักสวิสชาร์ดมีกรดออกซาลิกตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นสาเหตุของรสเปรี้ยวเล็กน้อย กรดออกซาลิกพบได้ในผักใบเขียวหลายชนิด เช่น ผักโขม และรูบาร์บ
สภาพอากาศ: สภาพอากาศที่ร้อนจัด อาจทำให้ผักมีความเครียดและผลิตกรดมากขึ้น
รสขม
สารประกอบฟีนอล (Phenolic Compounds): ผักสวิสชาร์ดมีสารประกอบฟีนอล ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดรสขม สารประกอบเหล่านี้มีปริมาณมากขึ้นเมื่อผักแก่
ความเครียดจากน้ำ: การขาดน้ำ หรือการให้น้ำไม่สม่ำเสมอ อาจทำให้ผักมีความเครียด ผลิตสารขมมากขึ้น
การเก็บเกี่ยว: การเก็บเกี่ยวผักที่แก่เกินไป จะทำให้ผักมีรสขมมากขึ้น
วิธีการลดรสเปรี้ยวและขม
การปรุงอาหาร: การปรุงอาหารโดยใช้ความร้อน เช่น การผัด การต้ม หรือการนึ่ง จะช่วยลดปริมาณกรดออกซาลิกและสารประกอบฟีนอลได้การผสมผสานกับอาหารอื่น: การผสมผักสวิสชาร์ดกับอาหารที่มีรสหวานหรือเค็ม จะช่วยลดรสเปรี้ยวและขมได้
การเลือกผักอ่อน: การเลือกผักสวิสชาร์ดที่อ่อนกว่า จะช่วยลดรสขมได้
การปลูกในสภาพที่เหมาะสม: การปลูกผักในสภาพที่เหมาะสม จะช่วยลดความเครียดของผัก และลดรสขมได้