Beta vulgaris
SCIENTIFIC NAME
Beta vulgaris
Soil Temperature
ช่วงอุณหภูมิดินที่เหมาะสมในการงอก
27-32 °C
Days to Germination
ระยะเวลาในการเพาะเมล็ด
5-7 วัน
เหมาะสำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์ พันธุ์นี้โตเร็วมาก ต้นแข็งแรง และได้ขนาดที่ต้องการแม้ปลูกในพื้นที่จำกัด
ยอดแข็งแรง สามารถใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยวได้ง่าย ผิวของบีทรูทเนียน ขนาดราก(หัว)ประมาณ 3 นิ้ว
มีให้เลือกหลากหลายสีสัน ตั้งแต่สีแดงเข้มแบบดั้งเดิมไปจนถึงสีทองสดใส เพื่อให้ทั้งสวยงามและอร่อย บางพันธุ์ยังเหมาะสำหรับกินใบได้อีกด้วย
Sugar Beets บีทรูทน้ำตาล
มีปริมาณน้ำตาล 20% และมีน้ำหนักตั้งแต่ 3-6 กิโลกรัม ปัจจุบันใช้ผลิตน้ำตาลเกือบครึ่งหนึ่งของโลก
Forage Beets บีทรูทอาหารสัตว์
เรียกอีกอย่างว่าบีทรูทแมงเกิล มีขนาดใหญ่กว่าบีทรูทน้ำตาล ใช้เป็นอาหารสัตว์
การปลูกในฤดูหนาวจะทำให้บีทรูทมีหัวขนาดใหญ่กว่าการปลูกในฤดูร้อน
การปลูกบีทรูทในประเทศไทย แนะนำให้ใช้วิธีลดความร้อน เช่น สแลนหรือตาข่ายกรองแสง, พื้นที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก, อาจมีพัดลมติดตั้ง เพื่อช่วยระบายอากาศร้อนออกจากบริเวณแปลงปลูก
- บีทรูทจะเติบโตได้ดีในดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี มีความเป็นกรดระหว่าง 6.2 ถึง 6.8 แต่สามารถทนต่อค่า pH 6.0-7.5 และดินที่มีเนื้อสัมผัสหลากหลายได้
- ดินเหนียวหนักสามารถปรับปรุงได้โดยการเติมอินทรียวัตถุ (เช่น ปุ๋ยหมัก) แต่ต้องแน่ใจว่าย่อยสลายได้ดีแล้ว มิฉะนั้นจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสะแคบ (โรคที่ทำให้เกิดจุดหยาบบนผิวดิน)
- บีทรูทคุณภาพดีที่สุดจะเกิดขึ้นจากการปลูกในแปลงยกสูงที่พรวนดินลึก และไม่มีหินหรือเศษซาก
- อุณหภูมิ: อุณหภูมิที่เหมาะสมประมาณ 15-20 °C
อุณหภูมิเย็นจะทำให้เนื้อบีทรูทมีสีสวยงาม หัวได้ขนาดใหญ่
การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างรวดเร็วอาจทำให้เกิดวงแหวนสีขาวในราก
- ใส่ปุ๋ยที่มีอัตราส่วน 1-2-2 (ไนโตรเจน-ฟอสฟอรัส-โพแทสเซียม) 7 วันก่อนการเพาะเมล็ด
- อาจจำเป็นต้องใส่ปุ๋ยข้างแถว 1-3 ครั้ง (การใส่ปุ๋ยเพิ่มระหว่างการเจริญเติบโต)
- บีทรูทอาจเกิดจุดดำภายใน หากระดับโบรอนในดินไม่เพียงพอ
การปลูก
- การย้ายกล้าปลูก:
- เพาะเมล็ดในโรงเรือนเย็นหรือในร่มช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ ประมาณ 5-6 สัปดาห์ก่อนย้ายกล้าปลูกลงแปลง หลังจากหมดความเสี่ยงจากน้ำค้างแข็ง
- เพาะเมล็ดลึก 1-1.2 ซม. หยอด 2-3 เมล็ดต่อหลุมในถาดเพาะขนาด 72 หรือ 128 หลุม
- ย้ายกล้าปลูกโดยให้แต่ละต้นห่างกัน 7.5 ซม. และแต่ละแถวห่างกัน 30-45 ซม.
- บีทรูทที่ย้ายกล้าปลูกอาจมีขนาดไม่สม่ำเสมอเท่าบีทรูทที่เพาะเมล็ดโดยตรง และรากอาจพันกัน ทำให้ต้องดึงรากออกอย่างระมัดระวัง
- การย้ายกล้าปลูก จะช่วยให้เก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้นหากสภาพอากาศไม่ดีและขัดขวางการเพาะเมล็ดโดยตรง
- การเพาะเมล็ดโดยตรง:
- เริ่มเพาะเมล็ดเมื่อดินอุ่นถึง 7 °C
- หยอดเมล็ด 15 เมล็ดต่อฟุต ลึก 1-1.2 ซม. แต่ละแถวห่างกัน 30-45 ซม.
- เมื่อต้นกล้าโต ให้ถอนต้นที่ไม่แข็งแรงออก ให้แต่ละต้นห่างกัน 7.5 ซม.
- หากต้องการเก็บเกี่ยวใบอ่อนและบีทรูทขนาดเล็กอย่างต่อเนื่อง
ให้เพาะเมล็ดทุกๆ 2 สัปดาห์ จนถึง 8 สัปดาห์ก่อนที่จะมีน้ำค้างแข็ง
- รดน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันโรคสะแคบ (Scab) ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดจุดสีน้ำตาลหยาบบนราก
- การแตกตัวภายในหรือการเกิดสีน้ำตาล มักเกิดขึ้นในดินที่เป็นด่าง หลังจากช่วงอากาศร้อนและแห้งเป็นเวลานาน ซึ่งเกิดจากการขาดธาตุโบรอน
- ปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อป้องกันโรคใบจุด (Cercospora leaf spot) ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบีทรูทที่เก็บเกี่ยวเป็นกลุ่มและบีทรูทใบอ่อน
การเก็บเกี่ยว
- รอจนกว่าบีทรูทจะโตได้ขนาดที่ต้องการก่อนที่จะเก็บเกี่ยว
การเก็บรักษา:
- สำหรับตลาดสด: ล้างและเก็บมัดบีทรูทได้นานถึง 10 วันที่อุณหภูมิ 0°C และความชื้นสัมพัทธ์ 95%
- สำหรับการเก็บรักษาในฤดูหนาว: ตัดยอด ล้าง และเก็บรากได้นานถึง 6 เดือนที่อุณหภูมิ 0°C และความชื้น 95%
บีทรูท ควรกินแบบดิบหรือทำให้สุก?
บีทรูทสามารถรับประทานได้ทั้งแบบดิบและแบบสุก
บีทรูทดิบ
- ประโยชน์
- มีสารอาหารครบถ้วน: การรับประทานบีทรูทดิบจะช่วยให้ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะโฟเลต ซึ่งเป็นวิตามินที่สูญเสียได้ง่ายเมื่อโดนความร้อน
- มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง: บีทรูทดิบมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย
- ช่วยลดความดันโลหิต: บีทรูทมีไนเตรตสูง ซึ่งช่วยขยายหลอดเลือดและลดความดันโลหิต
- ข้อควรระวัง
- อาจมีรสชาติเฉพาะตัว: บีทรูทดิบมีรสชาติเฉพาะตัวที่บางคนอาจไม่ชอบ
- อาจทำให้ปัสสาวะเป็นสีแดง: สารเบทานินในบีทรูทอาจทำให้ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นสีแดง ซึ่งเป็นเรื่องปกติและไม่อันตราย
บีทรูทสุก
- ประโยชน์
- รสชาติหวานขึ้น: การปรุงสุกจะทำให้บีทรูทมีรสชาติหวานขึ้นและรับประทานง่ายขึ้น
- ย่อยง่ายขึ้น: การปรุงสุกจะช่วยให้บีทรูทย่อยง่ายขึ้น
- ข้อควรระวัง
- สูญเสียสารอาหารบางส่วน: การปรุงสุกอาจทำให้สูญเสียสารอาหารบางส่วน โดยเฉพาะโฟเลต
- การต้มจะทำให้สีของบีทรูทออกไปอยู่ในน้ำที่ต้มด้วย
ข้อควรระวังเพิ่มเติม
- บีทรูทอาจทำให้ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นสีแดง ซึ่งเป็นเรื่องปกติและไม่อันตราย แต่ก็อาจทำให้บางคนตกใจได้
- การรับประทานบีทรูทในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสียได้
หากคุณมีโรคประจำตัวหรือข้อกังวลใดๆ
ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการก่อนรับประทานบีทรูท