LATIN NAME
Daucus carota var. sativus
SCIENTIFIC NAME
Daucus carota var. sativus
Soil Temperature
ช่วงอุณหภูมิดินที่เหมาะสมในการงอก
22-28 °C
Days to Germination
ระยะเวลาในการเพาะเมล็ด
14-21 วัน
SUN REQUIREMENT
แสงแดดตลอดวัน
สายพันธุ์พืช
(ชื่อเรียกทางการค้า)
Yaya Carrot
Organic Seeds
Hybrid F1
DAYS TO MATURITY
50 days baby
60 days full size
50 days baby
60 days full size
Yaya เป็นแครอทประเภท Nantes Type ที่สามารถเก็บเกี่ยวได้เร็ว มีรากที่สม่ำเสมอกันมากขึ้น และต้นก็แข็งแรงดีเท่าๆกัน ความยาวของรากประมาณ 5-6 นิ้ว มีรสชาติอ่อนๆ กรอบ ชุ่มฉ่ำ และมีความหวานเร็ว ต้นแข็งแรง ทรงพุ่มกระทัดรัด เหมาะสำหรับทำเป็นมัดๆ
Starburst Carrot Blend
Organic Seeds
Hybrid F1
DAYS TO MATURITY
70 วัน
Starburst แครอทสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นเพื่อให้การปลูกได้ผลผลิตที่แน่นอน มีสีสันหลากหลาย ทั้งสีขาว เหลือง ส้ม และม่วง รสชาติหวาน กรอบ อร่อยถูกใจทุกวัย รากมีความยาวประมาณ 7-9 นิ้ว มีรสชาติดี มีคุณค่าทางอาหารสูง เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเพิ่มสีสันที่สดใสให้มีความน่าสนใจเป็นพิเศษ
Red Cored Chantenay Carrot
Organic Seeds
Heirloom
DAYS TO MATURITY
65 วัน
Chantenay เป็นพันธุ์ดั้งเดิมเก่าแก่ (Heirloom) ให้รสชาติแครอทหวานแบบดั้งเดิม มีความยาวประมาณ 5-6 นิ้ว มีลักษณะไหล่กว้าง สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินแน่นหนัก เนื้อสัมผัสละเอียด และเนื้อแครอทมีแกนกลางสีส้มเข้มโดดเด่น เป็นพันธุ์ที่ดีเยี่ยมสำหรับทำซุป การแช่แข็ง การบรรจุกระป๋อง และการเก็บรักษาได้ยาวนาน
ทำความรู้จักแครอท
ตามรูปร่าง ลักษณะของราก
ตามรูปร่าง ลักษณะของราก
ประเภทของแครอท
- Amsterdam: เป็นแครอทฤดูสั้น ขนาดกลางถึงเล็ก และมีรูปร่างทรงกระบอก
- Nantes: มีความยาวปานกลางและมีรูปร่างทรงกระบอก ปลายทู่
หวานกว่าแครอทประเภทอื่นๆ ส่วนใหญ่ เหมาะสำหรับทานสด ชอบดินร่วนซุย - Shipping/Imperator: มีความยาวและความทนทานเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับแครอทบรรจุภัณฑ์ทั่วไป และเติบโตได้ดีที่สุดในดินที่พรวนลึก
- Chantenay: มีรูปร่างคล้ายหัวผักกาด และเหมาะสำหรับดินตื้น หรือดินหนัก
ขนาดสั้นกว่าประเภทอื่นๆ ลำต้นอวบ รากค่อยๆ เรียวลงถึงปลายมน
รสชาติเข้มข้น หวาน และเก็บรักษาได้ดี เนื้อหยาบกว่าประเภทอื่นๆ - Kuroda: มีรากหนาและเรียว และอาจมีสีเข้มกว่าค่าเฉลี่ย เหมาะสำหรับการผลิตในฤดูหนาวกึ่งเขตร้อน (เช่น แคลิฟอร์เนีย, เท็กซัส, ฟลอริดา) หรือการผลิตในฤดูร้อนเขตอบอุ่น ที่มีฤดูหนาวอุณหภูมิต่ำกว่า 45–50°F (7–13°C)
- Imperator: รากยาวเรียว ไหล่อวบ และยอดแข็งแรง เนื้อสัมผัสเป็นเส้นใยเล็กน้อย เก็บรักษาได้ดี แครอทประเภทที่พบได้บ่อยที่สุดในร้านขายของชำ ชอบดินทรายลึก
- Danvers: สั้นกว่าพันธุ์ Imperator รูปร่างทรงกระบอกรากหนา นิยมใช้ในการแปรรูป เหมาะสำหรับทำน้ำผลไม้ เก็บรักษาได้ดี เติบโตได้ดีในดินหนักและดินเหนียว
ประเทศไทยมีอากาศร้อนชื้น การปลูกแครอทจึงเหมาะสมในช่วงฤดูหนาว หรือช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ในพื้นที่ที่มีอากาศเย็นตลอดปี เช่น บนดอยสูง สามารถปลูกแครอทได้ดีตลอดทั้งปี
สามารถปลูกในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเย็นลง เช่น ฤดูหนาว (พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์) แต่หากต้องการปลูกในกระถาง และควบคุมสภาพแวดล้อม ก็สามารถปลูกได้ด้วยการควบคุมสภาพปัจจัยให้มีอุณหภูมิไม่ร้อนเกินไป
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูกช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากสภาพอากาศเย็นและแห้ง เอื้อต่อการเจริญเติบโตของแครอท
ช่วงฤดูฝน สามารถปลูกได้เช่นกัน แต่ต้องระวังเรื่องการระบายน้ำในกระถาง เพื่อป้องกันไม่ให้รากเน่า ข้อควรระวัง ในช่วงฤดูร้อนที่มีแสงแดดจัด อาจต้องระวังเรื่องอุณหภูมิที่สูงเกินไป ซึ่งอาจทำให้แครอทเจริญเติบโตได้ไม่ดีเท่าที่ควร
สามารถปลูกในประเทศไทยได้ โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศเย็นลง เช่น ฤดูหนาว (พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์) แต่หากต้องการปลูกในกระถาง และควบคุมสภาพแวดล้อม ก็สามารถปลูกได้ด้วยการควบคุมสภาพปัจจัยให้มีอุณหภูมิไม่ร้อนเกินไป
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปลูก
วิธีการปลูก สามารถเพาะปลูกแครอทได้ 2 วิธี
คือ การหยอดเมล็ดโดยตรงลงในแปลง และการเพาะกล้าแล้วย้ายลงดินปลูก
วิธีการเตรียมเมล็ด แช่เมล็ดในน้ำสะอาดประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก่อนนำไปปลูก เพื่อกระตุ้นการงอก
ทำหรือไม่ทำก็ได้
สารอาหารในดินและข้อกำหนด
(Soil Nutrients and Requirements)
- เติบโตได้ดีที่สุดในดินร่วนปนทรายที่อุดมสมบูรณ์ แต่จะเติบโตได้ดีในสภาพส่วนใหญ่หากเลือกพันธุ์ที่เหมาะสม สำหรับดินอัดแน่น ให้เลือกแครอทเรียวที่สามารถแทรกตัวเข้าไปในดินได้ เช่น แครอทประเภท Chantenays หรือ Danvers
- คุณภาพที่ดีที่สุดเกิดขึ้นจากแปลงยกสูงที่ปราศจากหินและเศษซาก แครอทประเภท Imperator ควรปลูกบนแปลงยกสูงที่มีพื้นที่พรวนดิน 25-30 cm เท่านั้น
การเตรียมดิน
- แครอทชอบดินร่วนซุย ระบายน้ำได้ดี และมีอินทรียวัตถุสูง
- ควรไถพรวนดินให้ลึกประมาณ 20-30 cm เพื่อให้รากแครอทเจริญเติบโตได้ดี
- ผสมดินกับปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก เพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน
- ปรับสภาพดินให้มีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) อยู่ระหว่าง 6.0-6.8
การปลูกในกระถาง - เลือกกระถางที่มีขนาดใหญ่และลึกพอสมควร (อย่างน้อย 30 cm) เพื่อให้รากแครอทมีพื้นที่เจริญเติบโต
- กระถางควรมีรูระบายน้ำที่ดี เพื่อป้องกันปัญหารากเน่า
- หลีกเลี่ยงดินเหนียว เพราะจะทำให้รากแครอทเจริญเติบโตได้ยาก
ความลึกในการหว่านเมล็ด
- 0.6-1.2 cm
ระยะห่างระหว่างต้น
- ถอนต้นกล้าให้เหลือ 2.5-5 cm ขึ้นอยู่กับขนาดที่ต้องการ
- เมื่อต้นแครอทอายุได้ประมาณ 1 เดือน หรือมีความสูงประมาณ 2-3 cm ให้ทำการถอนแยกต้นที่อ่อนแอออก เพื่อให้ต้นที่เหลือเจริญเติบโตได้ดี
ระยะห่างระหว่างแถว
- 45-60 cm
เวลาหว่านเมล็ด
- หว่านเมล็ดโดยตรงทันทีที่สามารถพรวนดินได้ในฤดูใบไม้ผลิจนถึงกลางฤดูร้อน
ข้อควรพิจารณาอื่นๆ
- การกำจัดวัชพืชหลังจากงอกไม่นานจะช่วยให้แครอทที่เติบโตช้าได้เปรียบในการแข่งขันกับวัชพืชที่เติบโตเร็ว
- รดน้ำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความชื้นในดิน แต่ระวังอย่าให้ดินแฉะเกินไป รากเน่า
- กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้วัชพืชแย่งอาหารและน้ำจากต้นแครอท
- ใส่ปุ๋ยที่มีธาตุโพแทสเซียมสูง เพื่อบำรุงหัวแครอทให้มีขนาดใหญ่และรสชาติดี
- หมั่นพรวนดินรอบโคนต้น เพื่อให้ดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี
การเก็บเกี่ยว
- สังเกตหัวแครอทที่มีขนาดใหญ่และสีส้มสดใส ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้
- ใช้มือดึงหัวแครอทขึ้นจากดิน หรือใช้เสียมแซะดินรอบๆ หัวแครอท เพื่อให้ดึงขึ้นได้ง่ายขึ้น
- เก็บเกี่ยวเมื่อแครอทมีสีที่เหมาะสมและรสชาติพัฒนาแล้ว แครอทสามารถคงสภาพในแปลงได้ดีถึง 3 สัปดาห์ในฤดูร้อน และนานกว่านั้นในสภาพอากาศเย็น แครอทบางพันธุ์ เช่น Napoli สามารถเก็บไว้ในฤดูหนาวกลางแจ้งหรือในอุโมงค์สูงเพื่อเก็บเกี่ยวในต้นฤดูใบไม้ผลิ สำหรับแครอทเก็บรักษา ให้ขุดรากหลังจากน้ำค้างแข็ง ก่อนที่ดินจะแข็งตัว
การเก็บรักษา
- เก็บแครอทที่ตัดยอดแล้วในอุณหภูมิใกล้จุดเยือกแข็ง โดยมีความชื้นสูง แครอทที่ไม่ได้ล้างจะเก็บรักษาได้ดีพอๆ กับแครอทที่ล้างแล้ว แต่ระหว่างการเก็บรักษาอาจมีคราบติดได้
- แครอทจะเก็บรักษาได้ดีที่สุดที่อุณหภูมิ 0°C และความชื้นสัมพัทธ์ 98%
ข้อมูลศัตรูพืช
- ด้วงแครอท (Carrot weevil) และแมลงวันรากแครอท (Carrot rust fly) เป็นศัตรูพืชทั่วไป การใช้ผ้าคลุมแถว (Floating row cover) สามารถควบคุมด้วงแครอทและแมลงวันรากแครอทได้อย่างมีประสิทธิภาพ เคล็ดลับอื่นๆ ได้แก่ การเลื่อนการหว่านเมล็ดออกไปจนถึงเดือนมิถุนายน เพื่อหลีกเลี่ยงแมลงวันรุ่นแรก และการหว่านเมล็ดแครอทให้บางลง เนื่องจากแมลงวันรากแครอทจะถูกดึงดูดด้วยกลิ่นของใบแครอทที่ช้ำ
ข้อมูลโรค
- โรคใบไหม้จากเชื้อราที่เกิดจาก Alternaria dauci หรือ Cercospora carotae สามารถทำให้ใบหลุดร่วงอย่างรุนแรง และลดผลผลิตได้อย่างมาก โรคราสีขาว (White mold - Sclerotinia sclerotiorum) จะปรากฏเป็นเส้นใยสีขาวคล้ายสำลีรอบรากและส่วนล่างของพืช โดยปกติจะเกิดขึ้นในช่วงปลายฤดู โปรดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Vegetable MD Online ของ Cornell University
คำถามที่พบบ่อย
ทำไมมีแต่ใบแครอท แต่ไม่มีหัวแครอท?แครอทใช้เวลานาน แครอทเป็นพืชที่ต้องใช้เวลาในการสร้างหัวราก (ส่วนที่เรากิน)
ตัดใบตอนปลูก ถ้าคุณตัดใบแครอทตอนที่มันกำลังโต พลังงานของพืชจะถูกส่งไปสร้างใบใหม่ แทนที่จะสร้างหัว(ลงหัว)
ดูแลใบให้ดี อย่าตัดใบแครอทระหว่างที่มันกำลังโต
ดินไม่ดี ดินที่ไม่ดีก็ทำให้หัวแครอทโตไม่ได้ รวมถึงการขาดธาตุฟอสฟอรัส หรือโพแทสเซียม
ทำไมแครอทไม่หวาน?ปลูกในอากาศร้อน แครอทที่ปลูกและเก็บเกี่ยวในอากาศร้อน จะไม่หวานเท่าแครอทที่ปลูกในอากาศอบอุ่นและเก็บเกี่ยวในอากาศเย็น
เก็บเกี่ยวตอนฤดูใบไม้ร่วง แครอทที่เก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงจะหวานที่สุด เพราะน้ำตาลจากใบจะถูกส่งลงไปที่หัวเมื่ออากาศเริ่มเย็นลง
ทำไมแครอทถึงมีรูปร่างแปลกๆ หรือแตกเป็นง่าม?การเตรียมดินสำคัญ การเตรียมดินเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการสร้างหัวแครอทที่สวยงาม
ดินเหนียวและหิน ดินเหนียว ดินแข็ง และหิน รวมถึงสิ่งกีดขวางในดิน จะขัดขวางการเจริญเติบโตของหัวแครอท
ไนโตรเจนมากเกินไป ไนโตรเจนที่มากเกินไปจะทำให้หัวแครอทแตกเป็นง่าม
ต้องการโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส แครอทชอบโพแทสเซียมและฟอสฟอรัส แต่ไม่ชอบไนโตรเจนที่มากเกินไป
ทำไมรากแครอทของฉันถึงมีขนเยอะจัง?
แครอทอ่อนแอต่อโรคที่เรียกว่า "แอสเตอร์ เยลโลว์" (Aster Yellows) ซึ่งโรคนี้จะแสดงอาการออกมาในรูปแบบของดอกที่ผิดรูปทรง การเจริญเติบโตของรากที่ผิดปกติ และรสชาติที่ขม
หวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์
ขอให้สนุกกับทุกประสบการณ์เพาะปลูกนะคะ